วันพฤหัสบดีที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

เยือนบ้านมูด่องชุมชนเล็กคนพม่าตรงข้ามด่านสิงขร มันเป็นอะไรที่ยุ่งยากเหลือเกิน และเข้ายากสำหรับช่วงนี้

อันแน่ออนทัวร์ได้มีโอกาสได้เดินทางไปเที่ยวบ้านมูด่อง ประมาณวันที่ 15 พ.ย. 57 โดยการเดินทางเข้าไปเที่ยวบ้านมูดองครั้งนี้ เป็นอะไรที่ยากมากไม่อยากจะเชื่อเลย ทั้ง ๆ ที่พม่าก็เริ่มเปิดประเทศแล้ว ผู้ว่าการรัฐมะริด กับผู้ว่าจังหวัดประจวบ ก็จับมือสนับสนุนเรื่องการท่องเที่ยวที่ด่านสิงขรแล้ว ประมาณในปี พ.ศ. 2557 แต่มันยังเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่ประชาชนคนนอกพื้นที่อย่างผมที่ไม่เข้าใจเลยว่า ทำไมยังเข้ายากมาก ๆ เหมือนเคย สำหรับแบ็คแพ็คเกอร์อย่างผม ผมอยากแชร์ประสบการณ์ครั้งนี้เพราะว่าคนไทยยังหลายคนยังไม่รู้ และบางคนดูจากข่าวทางอินเตอร์เน็ตอและคิดว่าข้ามไปเที่ยวบ้านมูด่องได้แล้วแต่ต้องอกหักกลับมาเพราะจริง ๆ แล้วเขายังไม่อนุญาตให้เข้าไป แต่อีกหน่อยคนไทยก็คงจะเข้าไปเที่ยวได้แล้วในช่วง AEC เปิด ก็คงจะไม่รู้ว่าก่อนด่านสิงขรเปิดเป็นด่านสากลมันเข้ายากขนาดไหน
   
บ้านมูดองเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ติดด่านชายแดนไทยตรงข้ามกับด่านสิงขร ปกติแล้วหมู่บ้านแห่งนี้จะเปิดให้กับนักท่องเที่ยวไทยได้เข้าไปเยือน ประมาณช่วงวันปีใหม่ และวันสงกรานต์เท่านั้น แต่ถ้าจะเข้าไปเที่ยวแบบดุ่ม ๆ นั้นไม่ได้แน่ีนอน เพราะตอนนี้ด่านสิงขรยังเป็นแค่ด่านชั่วคราวเท่านั้นจะเข้าจะออกยังลำบากเลย นอกจากคนในพื้นที่ หรือคนพม่าเท่านั้น ที่จะเดินทางเข้าออกได้แบบชั่วคราว จากประสบการณ์เกือบสิบปีที่แล้วผมเคยข้ามไปเที่ยวบ้านมูด่องช่วงวันสงกรานต์ ช่วงนั้นผมเดินทางเข้าไปเที่ยวกับเพื่อน 4 คน โดยการเสียค่าธรรมเนียมคนละ 100 บาท สำหรับนั่งรถสองแถวข้ามไปเที่ยวบ้านมูดอง โดยการนั่งรถสองแถว และมีเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนไปด้วย 1 คน มันเป็นอะไรที่แย่มากสำหรับผมในทริปนี้ เพราะว่าตอนที่ผมเดินทางเข้าไปฝั่งพม่า ด่านไทยไม่มีปัญหาไปติดตรงด่านพม่านี่แหละไม่อนุญาติให้ผมและเพื่อนข้ามเข้าไป เนื่องจาเห็นกล้องถ่ายภาพของผมและเพื่อน โดยบอกว่าต้องเก็บกล้องถ่ายภาพทุกคนไว้ที่ด่านพม่า โดยขากลับค่อยมารับคืน ไม่งั้นไม่ให้เข้าไปบ้านมูด่อง ผมรู้สึกเป็นห่วงกล้องและรู้สึกไม่อยากเข้าไปเลย แต่ในเมื่อมาถึงตรงนี้แล้วเราก็ต้องเดินทางไปต่อ เพราะมีนักท่องเที่ยวท่านอื่นเดินทางมาพร้อมด้วยกัน ส่วนขากลับค่อยมารับคืน และนั่นมันเป็นอดีตเมื่อเกือบสิบปีที่แล้ว

แต่มาวันนี้ผมได้มีโอกาสเดินทางเข้าไปอีกครั้งหนึ่งจากคำแนะนำของจันทิมารีสอร์ท เจ้าของเว็บไซต์เกาะทะลุทัวร์  ที่ให้คำแนะนำว่าควรไปอย่างไร โดยให้แม่บ้านที่จันทิมารีสอร์ท ที่อยู่บ้านมูด่องที่เพิ่งกลับไปเยี่ยมบ้านมารอรับผมหน้าด่านสิงขร ไม่งั้นแล้วผมคงไม่ได้เข้าไป ผมเดินทางเข้าไปด่านสิงขรวันเช้าวันเสาร์ นัดกันไว้ตอนประมาณ 9 โมง กับแม่บ้านจันทิมารีสอร์ท ชื่อพี่แกบ แต่ระหว่างการรอเจอพี่แกบผมขอพาเพื่อน ๆ เที่ยวตลาดเช้าด่านสิงขรก่อน เพราะปกติผมไม่ค่อยได้มาที่ด่านสิงขรตอนเช้า ๆ ผมก็เลยไม่คิดว่าจะมีคนพม่าเยอะขนาดนี้เลย รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างก็เดินกันพลุกพล่านที่ตลาดด่านสิงขรแห่งนี้

พี่แกบเดินทางมาถึงด่านสิงขรแล้วโทรหาผม และบอกให้ผมไปเสียค่าธรรมเนียม 100 บาท เพื่อข้ามฝั่งด่านไทยไปด่านฝั่งพม่า หลังจากชำระค่าธรรมเนียมพี่แกบพาผมไปถึงด่านทหารฝั่งไทยก็ไม่มีปัญหา ที่เหลือคือด่านพม่าคือด่านสุดท้ายที่ต้องรอลุ้น ผมไปยืนรอเหมือนกับคนไทยที่ยืนรอญาติหรือเพื่อนระหว่างไม้กั้นพรมแดนไทยพม่า ระหว่างรอข้ามด่านพม่าพี่แกบเป็นคนไปเจรจากับตำรวจหน้าด่านพม่าว่าผมมาเที่ยวบ้านพี่แกบ เพราะเมื่อก่อนเขาเคยทำงานที่จันทิมารีสอร์ท การเจรจาดูค่อนข้างตรึงเครียดเจ้าหน้าที่ตำรวจหน้าด่านพม่าขอดูเอกสารข้ามด่านฝั่งไทยโดยมีแค่ใบเสียค่าธรรมเนียมฝั่งไทย 100 บาท กับบัตรประชาชนเท่านั้น พี่แกบเจรจากับตำรวจพม่าแบบสีหน้าเคร่งเครียดปรากฏว่าไม่ให้ผมเข้าไปบ้านมูดองจริง ๆ ด้วย ผมอุทานออกมาเลย "กูว่าแล้วไง" พี่แกบพยายามจะอธิบายยังไงก็ไม่เป็นผลสำเร็จ เขาบอกว่าต้องมีบัตรผ่านแดนชั่วคราว "ป๊าด" มันด่านชั่วคราวจะมีได้ไงวะเนี่ยะ สรุปเอาเป็นว่าผมต้องกลับไปด่านสิงขรใหม่เพื่อถามเอกสารผ่านแดนชั่วคราวกับเจ้าหน้าที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ไทยก็บอกไม่มี เพราะเป็นแค่ด่านสากลใช้แค่เอกสารนี้ปกติก็ข้ามไปได้ ถ้าเขาไม่ให้ข้ามก็ไม่รู้จะช่วยยังไง พี่แกบบอกลองขึ้นไปใหม่อีกรอบเหอะ จะลองเจรจาดูใหม่ ผมก็บอกพี่แกบให้เสนอค่าน้ำร้อนน้ำชาให้เลยจะได้ไม่ต้องเหนื่อย การเจรจาครั้งที่สองผ่านไปทางเจ้าหน้าที่ตำรวจด่านพม่าก็ไม่หือไม่อืออะไรเลยยังทำหน้าเครียดใส่เหมือนเดิมและก็บอกว่ายังไงก็ข้ามมูดองไม่ได้ถ้าไม่มีเอกสารผ่านแดนชั่วคราว  ผมเริ่มถอดใจแล้วพี่เจ้าของจันทิมารีสอร์ทก็เป็นห่วงโทรมาถามผมว่าเข้าได้ยัง ผมตอบไปว่าตั้งแต่ 9 โมงเช้าถึง 11 โมง ยังติดอยู่ด่านพม่าเลย เขาก็พยายามให้พี่แกบพาผมเข้าไปเที่ยวให้ได้แต่ผมเริ่มถอดใจแล้ว จนผมคิดว่าไปถามชาวบ้านดีกว่าน่าจะมีวิธีอื่นอีก ชาวบ้านบอกให้ลองย้อนกลับไปด่านตรวจคนเข้าเมืองด่านสิงขรเลย แล้วลองคุยกับเจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองด่านสิงขรดู ซึ่งผมคิดว่าน่าจะเป็นทางออกสุดท้ายแล้วถ้าไม่ทำก็คือไม่ได้เข้าไปอยู่ดี หรือถ้าทำแล้วไม่ได้เข้าไปบ้านมูดองก็ถือว่าหมดปัญญาเหมือนกัน ในที่สุดผมก็ย้อนกลับไปที่ด่านสิงขรเพื่อทำเอกสารผ่านแดนชั่วคราว และผลที่ออกมาคือทำไม่ได้จริง ๆ เพราะตอนนี้ด่านสิงขรเป็นแค่ด่านผ่านแดนชั่วคราวไม่ใช่ด่านชายแดนสากล เพราะฉะนั้นคนที่จะข้ามไปได้ส่วนใหญ่เป็นคนพื้นที่ ผมเริ่มหมดหวังซะแล้วกะว่าเดี๋ยวกลับไปบอกพี่แกบว่าไม่เป็นไรแล้ว เดี๋ยวผมรอด่านสิงขรเปิดเป็นทางการก่อนแล้วผมจะมาลุยให้ถึงมะริดเลย แต่เหมือนโชคช่วยผมเหมือนกันแฮะบังเอิญผมเจอคนพม่าที่คอยวิ่งเต้นเอกสารให้กับพวกพม่าอยู่บริเวณด่านตรวจคนเข้าเมืองสิงขร เจ้าหน้าที่เลยบอกให้คนพม่าคนนี้แนะนำผมหน่อยว่าจะทำไงถึงจะได้เข้าไปเที่ยวบ้านมูด่อง หนุ่มพม่าก็ยินดีช่วยพาผมเข้าไปโดยแนะนำให้รู้จักกับตำรวจที่ดูแลบ้านมูดอง ที่กำลังข้ามมาซื้อเก้าอี้ แล้วก็ข้าวกล่อง ที่ตลาดนัดด่านสิงขรพอดีเลย เขาขี่มอเตอร์ไซค์มากับลูกเล็ก ๆ ท่าทีของเขาแสดงความเป็นมิตร และการแต่งตัวเหมือนชาวบ้านมากกว่าที่จะเหมือนตำรวจด้วยซ้ำ พี่แกบบอกกับตำรวจบ้านมูดองว่าผมจะมาเที่ยวแต่ติดอยู่หน้าด่านฝั่งพม่าซึ่งตำรวจหน้าด่านพม่าไม่ให้เข้าไป ส่วนคนที่ติดต่อให้ก็พยายามบอกกับตำรวจบ้านมูดองให้ช่วยพาผมเข้าไปที และเขาก็ไม่ปฏิเสธคำขอร้องของลูกบ้านมูดองสองคนนี้และตำรวจบ้านมูดองก็ไม่เรียกร้องอะไรผมเลยและให้ผมไปรอหน้าด่านพม่าเลยเขาจะเข้าไปคุยให้ และแล้วความสำเร็จในทริปนี้ผมก็เกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่งถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่แต่ก็ทำให้ผมรู้สึกดีใจมากครั้งหนึ่งที่มีคนพม่าหลายคนยินดีต้อนรับผม หลังจากที่ผมผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองพม่าฝั่งตรงข้ามด่านสิงขรไปได้ ผมยกมือไหว้ขอบคุณตำรวจบ้านมูดอง และตำรวจที่ไม่ให้ผมข้ามด่านชายแดนพม่าในครั้งแรก ที่อย่างน้อยก็เปิดโอกาสให้กับผมได้เข้าไปเที่ยวบ้านมูด่องในครั้งนี้

หลังจากเข้ามาถึงบ้านมูดองผมก็รู้สึกได้เลยว่า บ้านมูดองวันนั้นกับวันนี้เปลี่ยนไปค่อนข้างมาก เพราะมีหมู่บ้านติดริมถนนลาดยาง รวมถึงเห็นท่ารถโดยสารไปเมืองต่าง ๆ อย่างเมืองตะนาวศรี และเมืองมะริดแล้ว นอกจากนี้ยังมีร้านค้ามากมายหลายแห่ง รวมถึงผู้คนที่มารอรถโดยสารจำนวนหนึ่งด้วย

ผมเดินทางเข้าไปเที่ยวบ้านพี่แกบก่อนเดินทางต่อ เพราะว่ามีแกบมีลูกอ่อนส่วนตัวเขาก็ยังอุตส่าห์มารับผมเพื่อพาผมเที่ยวรอบ ๆ บ้านมูดอง ในช่วงระหว่างรอพี่แกบลูก ๆ พี่แกบก็เข้ามาพูดคุยกับผม ตอนแรกผมก็ไม่รู้ว่าน้อง ๆ จะพูดภาษาไทยได้ หลังจากที่ได้พูดคุยกับน้อง ๆ บ้านมูดองแล้วก็เลยชักชวนกันไปเที่ยวบ้านมูดองก่อนซักรอบ

น้อง ๆ พาไปดูบ้านเรือนที่มีการนำสัตว์ หรือพืชพรรณที่นำมาจากป่าเพื่อขาย ผมก็คิดว่าไม่น่าจะมีอะไรนอกจากพวกนก พวกหนู หรือไม่ก็กล้วไม้ แต่ที่สำคัญ ผมเห็นเขาล่ามลูกหมีไว้ด้วย ไม่น่าเชื่อเลยมันดูน่าสงสารมาก แต่ผมก็ไม่รู้จะทำไง เพราะถ้าไปทำอะไรไม่ดีเข้ากลัวจะมีปัญหายิ่งก่อนเข้ามามีปัญหากับตำรวจหน้าด่านพม่าอยู่ ก็ได้แต่ภาวนาให้มันอยู่รอดและปลอดภัยดี


ผมยังคงเดินไปเรื่อย ๆ เที่ยวชมตลาดบ้านมูดอง ซึ่งปกติตลาดที่นี่จะเปิดทุกวัน โดยเฉพาะช่วงเช้า ๆ ของจะขายเยอะมาก แต่เผอิญวันนี้เป็นวันเสาร์ แม่ค้าในตลาดบ้านมูดองนำสินค้าไปบ้านที่ตลาดนัดด่านสิงขรเลยทำให้ตลาดบ้านมูดองดูเงียบเหงาไปเลย ไม่งั้นเราจะได้เห็นสินค้าในตลาดนัดบ้านมูดอง มีทั้งผัก มีทั้งสัตว์ป่า มีทั้งผลไม้ที่หามาได้ เสื้อผ้า อาหารแห้ง และอีกมากมายเพราะที่นี้ยังมีผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์อยู่

หลังกลับมาจากการเดินเที่ยวรอบ ๆ บ้านมูดองแล้ว พี่แกบก็พาผมนั่งมอเตอร์ไซค์เที่ยวรอบ ๆ บ้านมูดองอีกรอบหนึ่ง แต่เป็นที่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่งเนื่องจากเวลาที่ผมเข้ามาเที่ยวมีเวลาไม่พอสำหรับวันนี้ เพราะผมต้องออกจากด่านพม่าก่อนเวลาที่หน้าด่านพม่ากำหนด ผมเลยอดไปสะพานสามซึ่งเป็นที่ตั้งของเจดีย์ขนาดใหญ่และสวยงามแห่งบ้านมูดอง ไว้รอครั้งหน้าผมคงได้มาใหม่ครั้งนี้เลยได้แต่ดูที่พักเอาไว้ก่อนเผื่อครั้งหน้าจะได้มาพักที่บ้านมูดองก่อนเดินทางไปเมืองอื่น ๆ ของพม่า จากนั้นก็เดินทางไปดูสถานที่ราชการในบ้านมูดองไม่ว่าจะเป็น โรงพยาบาล โรงเรียน สถานีตำรวจ รวมถึงเข้าไปนมัสการสิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้านมูดอง

ก่อนกลับผมไม่พลาดที่จะชิมอาหารพม่า อย่างข้าวแกงพม่าที่ผมหลงไหลว่าอร่อยไม่แพ้ข้าวแกงประเทศไทย ที่สำคัญข้าวแกงพม่าเป็นอาหารที่ประเทศไทยหากินยากก็มีอาทิของป่าของแท้ไม่ว่าจะเป็นหมูป่า เก้ง กวาง อีเห็น ในพม่าตามแถวชนบทมีหมด ผมลองอาหารพม่าแบบนี้ในรูปแบบข้าวแกงพม่ามาหลายที่แล้ว ดังนั้นการมาบ้านมูดองครั้งนี้ก็จะไม่พลาดที่จะได้ชิมความอร่อยของข้าวแกงพม่าอีกครั้งหนึ่ง ที่ร้านข้าวแกงบ้านมูดองแห่งนี้บรรยากาศดี มีร่มไม้ใต้ร่มมะม่วง มีสายน้ำเล็ก ๆ ไหลผ่าน ที่สำคัญได้กินข้าวปนฝุ่นด้วยซึ่งบรรยากาศแบบนี้ผมคงหากินได้ยากแล้วในประเทศไทย ผมสั่งแกงปลา ผัดกวาง ผัดหมูป่า แล้วก็มีน้ำพริกพม่า นั่งทานกับพี่แกบสองคนจนอิ่มแป้เลย ไม่อยากจะบอกให้รู้เลยว่ามันอร่อยมาก ๆ วันไหนข้ามมาบ้านมูดองแล้วผมจะแวะกลับมากินใหม่ที่ร้านนี้

แล้วเจอกันใหม่ในทริปหน้ากับการเดินท่องเที่ยวในประเทศพม่า เพื่อนบ้านของเราที่กำลังเปิดประเทสให้ผู้คนทั่วโลกได้เข้ามาสัมผัส ผมก็เป็นหนึ่่งคนที่อยากสัมผัสพม่าในรูปแบบของผมเช่นกัน และผมยังคงเป็นแบ็คแพ็คเกอร์ที่ดีพยายามจะหาเรื่องราวจากประสบการณ์การเดินทางของผมมาให้ได้รับชมนะครับ หวังว่าเพื่อน ๆ คนไหนชอบก็กดไลค์หรือติดตามให้กำลังกันได้ในช่อง www.youtube.com/annaontours  แล้วเจอกันใหม่ทริปหน้านะครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น